Movie

ความผิดพลาดของละครไทยกับการแพทย์ ทำให้คนเข้าใจผิดกันเยอะ

ความสมจริงของฉากเข้าโรงพยาบาล ที่ผู้ชมต้องการเห็น

วงการหนัง ละคร และซีรีส์ไทย แม้จะพยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา ทั้งตัวละครที่มีความหลากหลาย พล็อตเรื่องใหม่ ๆ การนำเสนอเนื้อหาที่ส่อสังคมมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งฉากที่มักปรากฏอยู่ในละครทุกเรื่องคือ ‘ฉากเข้าโรงพยาบาล’ หรือ ‘ฉากการปฐมพยาบาล’

ยิ่งเรื่องไหนต้องการชูความโศกเศร้า และความดราม่าเพื่อสร้างความเข้มข้นให้กับหนังด้วยแล้ว ละครเรื่องนั้นก็พยายามจะขยี้สิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับละคร แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ‘ความไม่สมจริง’ ของละครไทยกับการแพทย์ จนบางครั้งหนังก็สร้างความโป๊ะและทำให้คนเกิดความเข้าใจผิดมานานมาก ๆ

ดราม่ามาตลอดกับฉากความไม่สมจริงของละครไทย

โดยฉากดังกล่าวอาจจะพูดถึงการเข้ารับการรักษาของตัวละคร ฉากดูแลคนป่วย ฉากการปฐมพยาบาลไม่สมจริง จนทำให้เกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดอย่างเหล่าคนดู ว่าจริง ๆ แล้วละครไทยควรจะใส่ใจเรื่องความเป็นความตายของคนให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่หยิบฉากใส่ ๆ ไปโดดยขาดความไตร่ตรองก่อน

ดราม่ามาตลอดกับฉากความไม่สมจริงของละครไทย
ดราม่ามาตลอดกับฉากความไม่สมจริงของละครไทย

แต่หากพูดถึงดราม่าชิ้นใหญ่ที่ละครไทยสร้างเอาไว้ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน กับละครเรื่องเพื่อนรักเพื่อนริษยา ที่ออกอากาศทางช่อง 3 โดยมีฉากจบของเรื่องคือ ‘อุไร’ ที่ในตอนนั้นรับบทโดยคริส หอวัง นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่บนเตียง หลังจากป่วยหนักด้วยโรคเอดส์ระยะสุดท้าย สภาพตอนนั้นคือผิวหนังเต็มไปด้วยแผลเหวอะหวะไม่น่ามอง และจบชีวิตลง

แน่นอนว่าปัญหานี้เกิดขึ้นโดยทันทีซึ่งในขณะนั้นเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ได้มีการส่งหนังสือถึงผู้จัดละครว่า ละครเรื่องนี้ตีความผู้ป่วยเอดส์ไม่ถูกต้อง นั่นอาจทำให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจผิด พร้อมเรียกร้องให้มีการให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์

อีกทั้ง ความเป็นจริงของผู้ป่วย เมื่อรู้ว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวีก็จะต้องเริ่มรักาด้วยยาต้านไวรัสทันที ที่สำคัญก็ไม่จำเป็นจะต้องป่วยเป็นเอดส์ด้วย เพราะยิ่งได้รับยาเร็วเท่าไหร่ ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะดีเท่านั้น และสามารถใช้ชีวิตได้ไม่แตกต่างกับคนทั่วไป

ถึงเวลาแล้วยังที่ละครไทย จะสร้างฉากเข้าโรงพยาบาลให้สมจริง

นอกจากนี้ยังมีฉากอื่น ๆ เกี่ยวกับฉากทางการแพทย์ ที่เกิดความผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยของวงการละครไทย ส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 4 เรื่องหลัก ดังนี้

Makeup ไม่สมจริง

Makeup ไม่สมจริง
Makeup ไม่สมจริง

นี่ถือเป็นเรื่องโป๊ะแรก ๆ ที่สร้างความขำขันให้กับผู้ชม เพราะฉากที่ตัวละครป่วยมาก ๆ คงไม่มีใครติดขนตาสะพรึงจัดเต็มหรอกจริงไหม นอกจากนี้แล้วโดยปกติคนไข้ที่เข้ารับการผ่าตัดหรือเข้าห้องคลอด จะต้องลบเครื่องสำอางออกให้หมด ล้างน้ำยาทาเล็บ (ปัจจุบันมีโรงพยาบาลบางแห่งอนุญาตให้แต่งแบบเบาๆ) สาเหตุที่มีข้อห้ามเป็นเพราะแพทย์ต้องการดูผิวหน้าของคนไข้ที่เปลี่ยนไปหากเกิดความผิดปกติหลังผ่าตัด ส่วนน้ำยาทาเล็บก็มีผลต่อความอิ่มตัวของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงนั่นเอง

การ CPR เพื่อปั๊มหัวใจ

การ CPR เพื่อปั๊มหัวใจ
การ CPR เพื่อปั๊มหัวใจ

การ CPR ถือเป็นนาทีชีวิตเลยก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ เพราะงั้นแล้วการที่ละครปรากฏฉาก CPR ที่ถูกต้อง ก็จะทำให้คนเกิดภาพจำที่ดี อย่างที่ภาพข้างต้นคือการปั๊มหัวใจที่ถูกต้อง คือตรงบริเวณกระดูกหน้าอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย หรือระหว่างหัวนม 2 ข้าง มาตรงกลาง แต่สำหรับละครบางเรื่องบ้างก็กดหน้าอก บ้างก็กดท้อง ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ (หากคนทำในชีวิตจริง)

ช็อคไฟฟ้าแล้วฟื้น

ช็อคไฟฟ้าแล้วฟื้น
ช็อคไฟฟ้าแล้วฟื้น

การช็อคไฟฟ้ากระตุกหัวใจ (defibrillation) จะใช้ได้เพียงแค่กรณีที่ตรวจจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้วพบความผิดปกติ แต่ไม่มีชีพจรเท่านั้น แต่ในกรณีที่คลื่นไฟฟ้าเป็นเส้นตรงยาว การช็อคไฟฟ้ากลับไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงแค่ CPR ต่อไปเรื่อย ๆ

การแจ้งข่าวร้ายให้ญาติผู้ป่วยฟัง

การแจ้งข่าวร้ายให้ญาติผู้ป่วยฟัง
การแจ้งข่าวร้ายให้ญาติผู้ป่วยฟัง

เชื่อว่าข้อนี้หลายคนคงได้ยินประโยคคุ้นหูว่า ‘เสียใจด้วยครับ หมอทำเต็มที่แล้ว’ หรือ ‘คนไข้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว’ โดยความเป็นจริงคำพูดเหล่านี้ ไม่มีจริง แต่คุณหมอจะอธิบายสาเหตุการเสียชีวิตให้กระจ่าง เพื่อให้ญาติได้ทำความเข้าใจของการจากไป ซึ่งดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ละครไทยกลับไม่ใส่ใจ แต่กลับไปเลือกใช้ประโยคดังกล่าว จนทำให้กลายเป็นคำพูดติดปากของบทหมอในละครไปซะแล้ว

ทั้งหมดนี้ก็เป็นก็เป็นข้อผิดพลาดที่ละครไทยไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ อีกเรื่องคือการใช้ประกันสุขภาพ ที่ในความเป็นจริงคือเรื่องสำคัญ ซึ่งหากในละครต่าง ๆ ได้มีการบอกรายละเอียดหรือวิธีการใช้ไป อาจทำให้คนเกิดความสนใจและสามารถทำตามได้ในกรณีฉุกเฉิน

Movie

ล้มแล้วลุกใหม่ จุดไฟในตัวด้วยหนังดี สร้างแรงบันดาลใจ

เดินทางกันมาเกินครึ่งปีแล้ว ในปีนี้ต้องยอมรับเลยว่าเราทุกคนต้องเจอกับปัญหาใหญ่ ๆ หนัก ๆ อย่างโควิด จนทำให้หลายคนเกิดความเครียดสะสม ทั้งเครียดเรื่องโรค เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องเศรษฐกิจ และปัญหาอื่น ๆ ที่มันคารังคาสัง

หมดไฟในการทำงาน หนังเหล่านี้อาจช่วยคุณได้

ด้วยปัญหาเหล่านี้คงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมคนจึงเริ่มมีปัญหาหมดไฟกันมากขึ้น เพราะเราไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตแบบที่เคยใช้ จะทำอะไรก็ไม่ได้ทำอย่างใจคิด แต่ก็ยังมีคนอีกเยอะที่ต้องการจะปลุกไฟในตัวเอง อยากจะวางแผนสิ่งที่ต้องการทำในอนาคต (เมื่อโรคระบาดหายไป) และหากใครที่ต้องการกำลังใจเหล่านี้ วันนี้คุณมาถูกที่แล้วล่ะ

เพราะวันนี้เรามาบอกต่อสิ่งดี ๆ กับทุกคน ด้วยการรวบรวมหนังดีที่ช่วยให้คุณได้สร้างพลังบวก และปลุกไฟในตัวกันอีกครั้ง ใครที่กำลังเบื่องานเบื่อเรียนหรือเบื่อความเป็นอยู่ ลองดูหนังเหล่านี้มันอาจจะช่วยให้คุณหายเครียด คลายเบื่อก็ได้

Wonder (ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์)

Wonder (ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์)
Wonder (ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์)

เปิดมาด้วยหนังฟีลกู๊ดที่มีเค้าโครงมาจากนิยาย เล่าถึงเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่เกิดมาพร้อมโรคเทรเชอร์ คอลลินส์ ที่มีใบหน้าไม่เหมือนกับเด็ก ๆ ทั่วไป ด้วยความเป็นห่วงของพ่อแม่เลยให้เจ้าหนูเรียนแบบโฮมสคูลมาโดยตลอด แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องการให้เจ้าหนูมีสังคมเหมือนคนอื่น ๆ เลยตัดสินใจส่งเข้าโรงเรียนทั่วไป แล้วเรื่องราวต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมากมาย เด็กชายคนนี้ต้องผ่านทั้งคำล้อเลียน คำดูถูก ไม่มีเพื่อนคบ และอื่น ๆ แต่ด้วยความดีเลยทำให้ตอนจบมันน่าประทับใจสุด ๆ เลยล่ะค่ะ

Miracle in Cell No.7 (ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 )

Miracle in Cell No.7 (ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 )
Miracle in Cell No.7 (ปาฏิหาริย์ห้องขังหมายเลข 7 )

หนังฟีลกู๊ดน้ำตาแตกที่จะทำให้คุณประทับใจและน้ำตาไหลได้ตลอดทั้งเรื่อง นี่เป็นเรื่องราวของ ‘ยงกู’ คุณพ่อที่เป็นออทิสติก ที่กลายเป็นแพะรับบาปในคดีอาชญากรรมจนต้องเข้าคุก ทั้ง ๆ ที่เขาเองไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เขามีลูกสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่เขาเป็นห่วงมากและไม่มีคนดูแล เมื่อเพื่อน ๆ ในคุกรู้เข้าก็รีบช่วยหาวิธีพาลูกของเขาเข้ามาเจอเขาให้ได้

The Secret Life Of Walter Mitty (ชีวิตพิศวง ของ วอลเตอร์ มิตตี้)

The Secret Life Of Walter Mitty (ชีวิตพิศวง ของ วอลเตอร์ มิตตี้)
The Secret Life Of Walter Mitty (ชีวิตพิศวง ของ วอลเตอร์ มิตตี้)

เล่าถึงเรื่องราวชีวิตการทำงานที่แสนจะน่าเบื่อของ Walter Mitty ที่เขาทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศที่บริษัทนิตยสารแห่งหนึ่ง เขาทุ่มเททั้งชีวิตให้กับการทำงานมาก เขาได้รับเพียงแค่เงินเดือนเท่าที่ควรจะได้เท่านั้น แต่เขากลับไม่ได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทนเลย แล้ววันหนึ่งฟิล์มเลข 25 ที่ใช้สำหรับขึ้นปกนิตยสารก็หายไป ทำให้เขาต้องออกตามหาฟิล์มนี้ ชีวิตของเขาจะมีสีสันเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องไปติดแล้วนะ

The Gifted (อัจฉริยะสุดดวงใจ)

The Gifted (อัจฉริยะสุดดวงใจ)
The Gifted (อัจฉริยะสุดดวงใจ)

เป็นหนังที่สะท้อนชีวิตในครอบครัวได้ดีมาก เรื่องราวเล่าถึงแมรี่ เด็กหญิงวัย 7 ขวบ และแฟรงค์น้าชายที่เลี้ยงดูเธอ เพราะแม่ของเธอตายไปและฝากแม่รี่เอาไว้ แฟรงค์ต้องการที่จะเลี้ยงหลานสาวให้เหมือนเด็กปกติทั่วไป เล่นซน มีความสุข ทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งมันเป็นความคิดที่แตกต่างจากแม่ของแม่รี่ที่ต้องการให้เธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ

Steve Jobs (2015)

Steve Jobs (2015)
Steve Jobs (2015)

หนังดีที่คนไม่ค่อยพูดถึง สำหรับเรื่องนี้จะพูดถึงความสำเร็จของ สตีฟ จอบส์ ที่เขาสามารถปฏิวัติวงการดิจิทัลของโลกได้ และเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง หนังได้ถ่ายทอดความมุ่งมั่นและการทำงานในการบริหารที่น่าศึกษา ทั้งในเรื่องของคิดความนอกกรอบ การกล้าตัดสินใจ การทำสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ในเรื่องก็ได้มีการพูดแทรกถึงครอบครัวของเขา ให้มาขยายความดราม่าท้ายเรื่อง มันแสดงให้คนเห็นเลยว่าแม้ว่าเขาจะเป็นคนเก่งแค่ไหน แต่คนเราก็หนีไม่พ้นปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาครอบครัวนั่นเอง

The Founder (2016)

The Founder (2016)
The Founder (2016)

เรื่องราวความสำเร็จของเรย์ คร็อก เซลล์แมนที่ได้รู้จักกับสองพี่น้อง ดิ๊ก และ แม็ค ผู้ก่อตั้งร้านอาหารจานด่วน แมคโดนัลด์ เรย์มองเห็นถึงโอกาสของร้านแห่งนี้เขาเลยตัดสินใจของซื้อแฟรนไชส์ และมันก็กลายเป็นธุรกิจพลิกตลาดแฮมเบอร์เกอร์ในตอนนั้น แต่ด้วยข้อสัญญาต่าง ๆ ทำให้เขาเสียเปรียบอยู่มาก เขาจึงพยายามดิ้นรนหาวิธีเพื่อให้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจเพียงคนเดียว และมันก็สำเร็จ กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกจนถึงทุกวันนี้

ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างหนังดีที่ช่วยปลุกไฟในตัวให้ลุกโชนอีกครั้ง ที่เรานำมาฝากทุกคนกัน แต่ละเรื่องก็จะเป็นอารมณ์หนังแบบ Feel good ที่ช่วยสร้างความสนุก สร้างแรงบันดาลใจ และมีเกร็ดข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณได้ฉุกคิด บอกเลยว่าหากคุณดูจบจะได้รับพลังงานดี ๆ อย่างแน่นอน แต่หากใครที่อยากคลายเครียด ลองกดสมัคร gclub มาเป็นเพื่อนคลายเครียดก็ได้นะ

Movie

ซอมบี้ครองเมือง ปรากฏการณ์หนังผีดิบครองชาร์จแทบทุกสตรีมมิ่ง

ซอมบี้หนังอมตะฆ่าไม่ตาย กี่เวอร์ชั่นคนก็สนใจ

หากลองคิด ๆ ดูแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หนังที่เรียกได้ว่าครองชาร์จสตรีมมิ่งและเป็นที่รอคอยของคอหนังหลายประเทศทั่วโลก ‘ซอมบี้’ จะต้องเป็นลิสต์หนังแรก ๆ ที่หลายคนเฝ้ารอ เพราะหนังซอมบี้แน่นอนเลยว่าหากมันถูกหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นแล้วปูเรื่องวางเส้นเรื่องจากฝีมือผู้กำกับหลายประเทศ เนื้อเรื่องของมันก็จะมีกลิ่นอายของประเทศนั้น ๆ แฝงอยู่เสมอ

รู้หรือไม่ ซอมบี้มีที่มา แต่มาจากอะไรกันนะ?

แต่คุณหรือไม่ก่อนที่จะกลายมาเป็นซอมบี้ตำนานผีดิบเดินได้ที่เรารู้จัก แก๊งผีเหล่านี้ก็ไม่ได้โนเนมนะ เพราะพวกมันมีที่มาที่ไป พวกมันมาจากตำนานนิทานพื้นบ้านเฮติ ที่ว่ากันว่าศพคนตายทั้งหลายได้ถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ซอมบี้หนังอมตะฆ่าไม่ตาย กี่เวอร์ชั่นคนก็สนใจ
ซอมบี้หนังอมตะฆ่าไม่ตาย กี่เวอร์ชั่นคนก็สนใจ

ในโลกภาพยนตร์ซอมบี้ยุคแรก ๆ จะถูกปลุกขึ้นมาจากพิธีกรรมไสยศาสตร์ แต่เมื่อโลกก้าวไปข้างหน้าคนจึงได้อัปเกรดการกำเนิดของผีให้เป็นความผิดพลาดทางการทดลอง ไวรัสระบาด การแผ่รังสี ที่สำคัญยังได้มีการอัปเกรดความสามารถของผีดิบเดินได้เหล่านี้ด้วย

โดยภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องแรกที่ถูกสร้างสรรค์โดย Hollywood คือ White Zombie ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คนให้ความสนอกสนใจกับซอมบี้ เรื่องนี้ศาสตราจารย์ David Castillo มหาวิทยาลัย Buffalo ในรัฐนิวยอร์ก ได้ให้ความเห็นว่า เพราะซอมบี้จะทำให้มนุษย์มองเห็นว่าตัวเองเป็นคนยังไง หากเกิดเรื่องราวต่าง ๆ จะใช้เกณฑ์ตัดสินใจแบบไหน ที่สำคัญยังเป็นข้อคิดให้คนเราต้องร่วมใจกันด้วย

รู้หรือไม่ ซอมบี้มีที่มา แต่มาจากอะไรกันนะ?
รู้หรือไม่ ซอมบี้มีที่มา แต่มาจากอะไรกันนะ?

คงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมหนังซอมบี้ในปัจจุบันถึงได้มีการปูเรื่องราวให้มีความแน่น แล้วปิดท้ายด้วยการเล่าที่มาที่ไป นิสัยคน ความเห็นแก่ตัว ความใจดี และความกล้าหาญ มันเลยทำให้คนได้ลุ้นระทึก ไปพร้อม ๆ กับความสนุกสนาน และอารมณ์ความเศร้าที่ครบรส

ซอมบี้ในเกาหลี เหตุใดโดดเด่นกว่าผีพื้นบ้าน

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของวงการหนังเกาหลี แต่คุณก็พอจะสัมผัสได้ว่าหนังหรือซีรีส์เกาหลีในตอนนี้ ‘ซอมบี้เกาหลี’ ได้ท็อปฟอร์มแบบสุด ๆ ทั้งหนังผียุคปัจจุบัน หรือแม้แต่ซอมบี้ยุคโซชอน ที่ได้มีการผสมผสานทั้งความสยองขวัญและเรื่องราวทางการเมืองได้อย่างกลมกล่อม

จมบี/ชมบี คนเกาหลีจะใช้คำนี้เรียกแทนซอมบี้ ส่วนตำนานซอมบี้เกิดขึ้นในเกาหลีเพียงแค่ประมาณ 200 ปีเท่านั้น ทั้งที่จริง ๆ แล้วอายุของประเทศเกาหลียาวนานกว่า 2,000 ปี ทั้งที่มีเวลาให้สะสมตำนานผีท้องถิ่นเยอะมาก แต่ท้ายที่สุดซอมบี้กลับตีตลาดวงการหนังและซีรีส์เกาหลีได้ดีกว่าผีรุ่นพี่หลายเท่าตัว

ส่วนสาเหตุที่ทำให้โดดเด่นเอามาก ๆ คงไม่ใช่เพราะอะไร คงเป็นเพราะในตอนนี้ใคร ๆ ก็ต่างคลั่งไคล้และชื่นชอบซอมบี้ยังไงล่ะ แล้วทำไมเกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องการตีตลาดสื่อบันเทิงจะไม่จัดทำหนังประเภทนี้ออกมา ง่าย ๆ สั้น ๆ คำเดียวเลยก็คือ ‘มันขายได้’

ซอมบี้ในเกาหลี เหตุใดโดดเด่นกว่าผีพื้นบ้าน
ซอมบี้ในเกาหลี เหตุใดโดดเด่นกว่าผีพื้นบ้าน

และย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ภาพยนตร์ที่ทำรายได้แบบถล่มทลาย จนทำให้คนว้าวสุด ๆ คงเป็นเรื่อง Train To Busan (ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง) ภาพยนตร์ซอมบี้ที่แปลกแหวกแนว และเปิดศักราชกลิ่นอายซอมบี้เกาหลี จนทำให้มันโด่งดังแบบสุด ๆ ต่อมาก็คงเป็นศึกการเมืองในยุคโชซอนอย่าง Kingdom (ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เลือด) และ Rampant (นครนรกซอมบี้คลั่ง) ที่ให้ความเข้มข้นสมจริงแบบสุด ๆ แถมยังกล้าที่จะเอาเรื่องราวความเน่าเฟะทางการเมืองและความเห็นแก่ตัวของคนเอามาเล่า นั่นยิ่งทำให้คนดูรู้สึกคล้อยตาม สะใจ และสงสารชีวิตของตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างเต็มเปา

ซอมบี้เกาหลีมีแง่คิดการเมืองแทรก
ซอมบี้เกาหลีมีแง่คิดการเมืองแทรก

แต่ท้ายที่สุดภาพยนตร์หรือซีรีส์ซอมบี้ต่าง ๆ ก็มักมีจุดจบที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็สามารถกำจัดไวรัสร้ายได้ บ้างก็ทิ้งปมเอาไว้ให้คนคิดเอาเอง หรือบางเรื่องก็ทิ้งเป็นปมชิ้นใหญ่ ที่ในอนาคตสามารถมาสานต่อให้เป็นจักรวาลซอมบี้ได้

เอาเป็นว่าใครที่ชื่นชอบดูหนังซอมบี้ก็อย่าลืมไปแวะดูหนังตามที่เราแนะนำเอาไว้ หรือหากใครมีหนังซอมบี้เจ๋ง ๆ แหวกแนวมาแนะนำ ก็ลืมมาบอกต่อกันด้วยล่ะ แต่ตอนนี้ยังออกไปดูหนังไม่ได้ก็ซื้อทีวีจอใหญ่มาดูกันให้จุใจก่อน แต่หากใครเบื่อ ๆ การดูหนังช่วงโควิดก็ลองเล่นเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์แก้เบื่อก็ได้นะ